เคยสงสัยไหมว่า ทำไมบางหลอดไฟก็มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ! บางหลอดไฟก็ไม่มี? วันนี้เลคิเซ่ จะพามาไขข้อสงสัยนี้กันค่ะ อย่างที่หลายคนทราบกันดีว่า หลอดไฟ LED จะช่วยประหยัดค่าไฟได้มากกว่า ใช้พลังงานน้อยกว่า ที่สำคัญแสงจากหลอดไฟ LED ยังช่วยถนอมสายตามากกว่าหลอดไฟรุ่นเก่าอีกด้วย เพราะเหตุนี้จึงทำให้หลอดไฟ LED เป็นที่นิยมใช้กันอย่างเเพร่หลายในปัจจุบัน
ถึงเเม้หลอดไฟ LED จะทำให้ประหยัดไฟขึ้นก็จริง เเต่ทำไมหลอดไฟ LED บางหลอด ถึงไม่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5? คำตอบคือ เพราะก่อนที่หลอดไฟ LED จะผ่านเกณฑ์ประหยัดพลังงานจนได้รับการการันตีด้วยฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. จะต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบหลายขั้นตอน เพื่อให้ผู้บริโภคได้ใช้หลอดไฟที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และช่วยประหยัดไฟฟ้าได้จริง
สำหรับด่านการทดสอบหลอดไฟ จะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย
- หลอด LED จะถูกส่งเข้ามาทดสอบ รุ่นละ 10 หลอด ทุกหลอดต้องผ่านการทดสอบมากมายอาทิ ค่าการกินไฟฟ้าหรือ กำลังไฟฟ้า (ค่าวัตต์) ของหลอด ต้องเป็นไปตามที่บริษัทผู้ผลิตแจ้งเข้ามา
- ทดสอบความปลอดภัย อุณหภูมิสี (CCT) การควบคุมปริมาณแสงสีฟ้า (Blue Light) ไม่ให้เป็นอันตรายต่อจอประสาทตา
- หลอดไฟต้องคงค่าความสว่าง (Lumen) ได้ตามเกณฑ์ แม้จะทดสอบด้วยการเปิดต่อเนื่อง มากกว่า 1,000 ชั่วโมง หากใน 1,000 ชั่วโมงมีหลอดขาดถือว่าไม่ผ่านการทดสอบ
แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ? นอกจากการเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED จะช่วยให้คุณประหยัดไฟขึ้นแล้ว การเลือกหลอดไฟ LED ให้ถูกต้อง อย่างหลอดไฟ KLASSIC LED A60 SHAPE BULB เบอร์ 5
3 ดาว ยังช่วยเพิ่มความประหยัดไฟให้คุณได้อีกทางค่ะ ครั้งหน้าเลคิเซ่จะนำสาระดีๆ อะไร มาฝากอีก กดติดตามไว้ได้เลยนะคะ
เกร็ดความรู้ส่งท้าย ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 แบ่งเกณฑ์ระดับประสิทธิภาพพลังงานออกเป็น 4 ระดับ
โดยสังเกตได้จากดาวบนฉลาก ยิ่งดาวมาก ยิ่งประหยัดไฟได้มากขึ้น โดยแต่ละระดับสามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5 -10 %
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : กฟผ. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : EGAT.Official