ตู้คอนซูมเมอร์คืออะไร ทำไมทุกบ้านต้องมี?

2. ตู้คอนซูมเมอร์แบบปลั๊กออน (Plug-on) 

          ข้อดี คือ ไม่ต้องเดินสายไฟจากเมนเบรกเกอร์ไปยังเบรกเกอร์ลูกย่อย เพียงแค่นำเบรกเกอร์ไปติดที่บัสบาร์ (ตัวนำไฟฟ้า) ซึ่งจะมีติดตั้งอยู่ในตู้มาให้เรียบร้อย ไม่ต้องเดินสายไฟให้ยุ่งยาก ทำให้ติดตั้งง่ายและลดเวลาในการติดตั้ง ส่วนข้อเสีย คือ ราคาค่อนข้างสูงกว่าแบบรางปีกนก
เหมาะสำหรับ : บ้านเรือนและอาคารพาณิชย์ขนาดเล็กถึงกลาง ต้องการความสะดวกและรวดเร็วในการติดตั้งโดยไม่ต้องเดินสายไฟที่ซับซ้อน

ความสำคัญของตู้คอนซูมเมอร์

1. ป้องกันอุบัติเหตุจากไฟฟ้า
          ตู้คอนซูมเมอร์เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยป้องกันอันตรายจากการใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้าลัดวงจรหรือไฟเกิน ซึ่งอาจทำให้เกิดเหตุไฟไหม้ได้ การติดตั้งตู้คอนซูมเมอร์จะช่วยตัดวงจรไฟฟ้าทันทีเมื่อเกิดความผิดปกติ ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุและรักษาความปลอดภัยให้กับทุกคนในบ้านได้

2. ช่วยจัดระเบียบการจ่ายไฟ
          บ้านของเรามีการใช้ไฟฟ้าในหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่น ห้องครัว หรือห้องนอน การมีตู้คอนซูมเมอร์จะช่วยจัดระเบียบการจ่ายไฟไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ของบ้านให้เป็นระบบ โดยการแบ่งวงจรออกเป็นกลุ่มต่าง ๆ เช่น วงจรแสงสว่าง วงจรเต้ารับไฟฟ้า และวงจรเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละประเภท การจัดระเบียบนี้จะช่วยให้สามารถควบคุมและตรวจสอบการใช้ไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น

3. ป้องกันความเสียหายต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า
          นอกจากป้องกันอันตรายที่อาจเกิดกับคนในบ้านแล้ว ตู้คอนซูมเมอร์ยังช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดกับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านได้ เช่น ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น หากเกิดไฟฟ้าลัดวงจรหรือไฟเกิน ตู้คอนซูมเมอร์จะทำการตัดไฟทันทีก่อนที่เครื่องใช้ไฟฟ้าจะเกิดความเสียหาย

4. ตรวจสอบและซ่อมบำรุงได้ง่าย
          หากเกิดปัญหาไฟฟ้าภายในบ้าน เช่น เบรกเกอร์ตัดเนื่องจากไฟฟ้าลัดวงจรหรือไฟฟ้าเกินกำลัง ช่างสามารถระบุวงจรที่เสียหายได้ทันทีจากการตรวจเช็คที่ตู้คอนซูมเมอร์ โดยไม่จำเป็นต้องตรวจสอบสายไฟทั้งหมดของบ้าน ทำให้การซ่อมแซมตรงจุดและรวดเร็ว นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงในการทำงานของช่างไฟฟ้า เพราะสามารถตัดไฟเฉพาะวงจรที่มีปัญหาได้โดยไม่กระทบกับวงจรอื่น
 

การเลือกตู้คอนซูมเมอร์ให้เหมาะสมกับบ้าน

1. เลือกตู้คอนซูมเมอร์ที่มีความน่าเชื่อถือของแบรนด์ มีคุณภาพมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยผ่านการทดสอบด้านความคงทนของสินค้า และได้รับมาตรฐาน มอก.

2. เลือกใช้ตู้ที่มีอุปกรณ์ RCBO (อุปกรณ์ Safety ทางไฟฟ้า) เพราะจะช่วยป้องกันกรณีอุบัติเหตุทางไฟฟ้า เช่น ไฟฟ้ารั่ว ไฟฟ้าลัดวงจร หรือ ไฟเกินได้

3. ควรเลือกจำนวนช่องวงจรให้เหมาะกับการใช้งานที่บ้าน โดยอาจเผื่อไว้อีก 1-2 ช่องวงจร สำหรับโหลดที่อาจมีเพิ่มเติมในอนาคต 

4. เลือกขนาดเบรกเกอร์ลูกย่อยตามความเหมาะสมของการใช้งาน และความสะดวกในกรณีการซ่อมบำรุงระบบไฟฟ้า 
ตัวอย่างเช่น : หากบ้านของคุณมี ห้องนอน, ห้องน้ำ, ห้องนั่งเล่น, และห้องครัว ก็สามารถเลือกชุด
ตู้คอนซูมเมอร์ 4-6 ช่อง เพื่อเเยกระบบไฟฟ้าของเเต่ละห้อง

5. เลือกขนาดของแอมป์ ตามการใช้ไฟฟ้าของเเต่ละบ้าน 
ตัวอย่างเช่น :  ภายในบ้านมีเครื่องใช้ไฟฟ้าหลักคือ เครื่องปรับอากาศ 1 เครื่อง, เครื่องทำน้ำอุ่น 1 เครื่อง, ตู้เย็น 1 ตู้ และอุปกรณ์ไฟฟ้าย่อยอื่น ๆ สามารถใช้ตู้คอนซูมเมอร์ยูนิตขนาด 50A ได้ เเต่ในกรณีที่มีการใช้ไฟฟ้ามาก สามารถใช้ตู้คอนซูมเมอร์ยูนิตขนาด 63A ได้เลย โดยการเลือกขนาดของแอมป์ สามารถคำนวณคร่าว ๆ จากเครื่องใช้ไฟฟ้าหลักภายในบ้านได้ โดยนำขนาดของแอมป์เเต่ละเครื่องใช้ไฟฟ้ามาบวกกัน ไม่ให้เกินขนาดแอมป์ของตู้คอนซูมเมอร์

**หากไม่มั่นใจสามารถปรึกษาผู้เชียวชาญด้านไฟฟ้า หรือช่างเดินไฟฟ้าได้**