Fluorescent Blacklight
ล่อแมลงไม่ดี อาจเป็นเพราะค่าแสง UV ไม่ตรง
หลายคนที่ติดตั้งเครื่องล่อแมลงไว้ในบ้าน โรงงาน ร้านอาหาร หรือร้านสะดวกซื้อ อาจรู้สึกว่าเครื่องล่อแมลงที่ใช้อยู่ไม่ค่อยได้ผลเท่าที่ควร เพราะแมลงยังบินวนอยู่เต็มพื้นที่ หรือจำนวนแมลงที่เข้าไปในกับดักน้อย ทั้งที่ตัวเครื่องดูเหมือนทำงานได้ตามปกติ ปัญหานี้อาจไม่ได้เกิดจากตัวเครื่อง แต่เกิดจากหลอดไฟ Fluorescent Blacklight ที่ใช้งานอยู่ ซึ่งอาจมีค่าแสง UV ไม่ตรงกับช่วงที่แมลงตอบสนอง ทำให้ประสิทธิภาพในการล่อแมลงลดลงอย่างเห็นได้ชัด
หลอดไฟ Fluorescent Blacklight สำคัญกว่าที่คิด
เครื่องล่อแมลงทำงานโดยใช้หลอดไฟชนิดพิเศษที่ปล่อยค่าแสง UV เพื่อดึงดูดแมลงให้บินเข้ามาหา ก่อนจะถูกดูดหรือติดกับดักภายในเครื่อง ซึ่งหลอดไฟที่ใช้ล่อแมลงนี้เรียกว่า Fluorescent Blacklight แม้จะเป็นแค่หลอดไฟที่อยู่ในเครื่อง แต่จริงๆ แล้วหลอดนี้คือหัวใจของการทำงานทั้งหมด หากหลอดไฟที่ใช้ปล่อยแสง UV ได้ไม่ตรงช่วงคลื่นที่แมลงสามารถมองเห็นหรือรู้สึกได้ แมลงก็จะไม่สนใจ และบินผ่านไป
แสง UV มีหลายช่วง แมลงมองเห็นแค่บางช่วงเท่านั้น
หลายคนอาจไม่รู้ว่า แสง UV หรือรังสีอัลตราไวโอเลต ไม่ได้มีแค่ช่วงเดียว แต่แบ่งออกเป็น 3 ช่วงหลักๆ ได้แก่
-
UV-A (315–400 นาโนเมตร)
-
UV-B (280–315 นาโนเมตร)
- UV-C (100–280 นาโนเมตร)
สำหรับหลอด Fluorescent Blacklight ที่ใช้ล่อแมลงนั้น ต้องปล่อยแสงในช่วง UV-A โดยเฉพาะในช่วงประมาณ 350–400 นาโนเมตร (nm) ซึ่งเป็นช่วงที่แมลงตอบสนองได้ดีที่สุด
หลอดล่อแมลงไม่เหมือนกับหลอดทั่วไป ต้องผลิตโดยเชี่ยวชาญ
หลอดไฟ Fluorescent Blacklight ไม่ได้เหมือนกับหลอดไฟในบ้านทั่วไป เพราะต้องมีการเคลือบผงฟอสเฟอร์ชนิดพิเศษอย่างแม่นยำภายในหลอด เพื่อควบคุมการปล่อยแสง UV-A ให้อยู่ในช่วงที่แมลงตอบสนองได้จริง และต้องผ่านการทดสอบประสิทธิภาพก่อนส่งออก หากใช้หลอดไฟที่ไม่ได้ผลิตด้วยมาตรฐานเหล่านี้ ถึงแม้จะเปิดเครื่องดักแมลงอยู่ตลอดวัน ก็แทบจะล่อแมลงไม่ได้เลย เพราะแสงที่ปล่อยออกมาไม่ได้กระตุ้นแมลงให้เข้าใกล้นั่นเอง
เลือก Fluorescent Blacklight อย่างไรให้ล่อแมลงได้จริง?
การเลือกหลอดไฟ Fluorescent Blacklight สำหรับใช้กับเครื่องดักแมลง ไม่ใช่แค่ดูจาก “แสงสีม่วงน้ำเงิน” หรือเลือกจากราคาที่ถูกที่สุดเท่านั้น เพราะหลอดไฟที่มีลักษณะภายนอกเหมือนกัน อาจมีประสิทธิภาพในการล่อแมลงต่างกัน ดังนั้นควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อหลอดไฟ Fluorescent Blacklight
1. ค่าคลื่นแสง UV ต้องแม่นยำ
หลอดที่ใช้ต้องสามารถปล่อยคลื่นแสง UV-A ได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะในช่วง 350–400 นาโนเมตร (nm) ซึ่งเป็นช่วงที่แมลงตอบสนองมากที่สุด หากคลื่นแสงเบี่ยงเบนออกจากช่วงนี้ ไม่ว่าจะนิดเดียวก็อาจทำให้แมลงมองไม่เห็นแสงนั้นเลย
2. ความเข้มของแสง UV ต้องเพียงพอ
แสง UV ต้องมีความเข้มของแสงพอสมควร ไม่อ่อนเกินไปจนแมลงไม่รู้สึกว่า “ถูกดึงดูด” ซึ่งหลอดที่ผลิตด้วยวัสดุคุณภาพต่ำหรือไม่ได้มาตรฐาน มักมีปัญหาความเข้มแสงตกเร็ว แม้เพิ่งใช้งานได้ไม่นาน
3. อายุการใช้งานยาวนาน
แม้หลอดไฟจะยังติดอยู่ แต่แสง UV ภายในอาจเสื่อมลงจนไม่สามารถล่อแมลงได้แล้ว ดังนั้นควรเลือกหลอดที่ระบุอายุการใช้งานชัดเจน และมีคุณภาพสูง เพื่อให้แสง UV คงที่จนถึงวันหมดอายุจริง
4. ได้รับมาตรฐานการผลิต
เลือกหลอดที่ผลิตโดยโรงงานที่ได้มาตรฐาน เช่น ISO 9001 หรือมีการรับรองคุณภาพด้านอุตสาหกรรมอื่น ๆ เพื่อความมั่นใจว่าแต่ละหลอดผ่านการทดสอบมาแล้ว ไม่ใช่สินค้าผลิตแบบไม่มีการควบคุมอย่างบริษัทเลคิเซ่ (LeKise)
5. มีข้อมูลของหลอดไฟชัดเจนบนฉลาก
บนบรรจุภัณฑ์หรือฉลากของหลอดไฟควรมีข้อมูลที่ชัดเจน เช่น ค่าคลื่น UV, อายุการใช้งาน, รุ่น/กำลังวัตต์ และชื่อผู้ผลิต เพราะการไม่มีข้อมูลเหล่านี้ มักบ่งบอกว่าเป็นสินค้าที่ยากต่อการตรวจสอบคุณภาพ
6. บริการหลังการขายที่เชื่อถือได้
เลือกแบรนด์ที่มีการดูแลลูกค้าอย่างต่อเนื่อง สามารถติดต่อสอบถามหรือเคลมสินค้าได้กรณีเกิดปัญหา เพื่อให้คุณมั่นใจว่าเงินที่จ่ายไปนั้นคุ้มค่าจริง ๆ ไม่ใช่ซื้อแล้วต้องเสี่ยงเอง บริษัทเลคิเซ่ (LeKise) เรามีทีมดูแลลูกค้าหลังการขาย สามารถติดต่อพูดคุยได้ง่าย และรวดเร็ว
เราขอแนะนำหลอด Fluorescent Blacklight จากเลคิเซ่
ถูกออกแบบและควบคุมคุณภาพการผลิตมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ตอบสนองต่อการใช้งานในเครื่องดักแมลงอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะในเรื่อง “ความแม่นยำของแสง UV” ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการล่อแมลงให้ได้ผล
ควบคุมความยาวคลื่นแสง UV อย่างแม่นยำ
ใช้เทคโนโลยีการเคลือบผงฟอสเฟอร์สูตรพิเศษภายในหลอด ซึ่งช่วยให้สามารถปล่อยแสงในช่วงความยาวคลื่น UV-A ที่แมลงตอบสนองได้ดีที่สุด
-
แสงจากหลอด Fluorescent Blacklight ของเลคิเซ่ (Lekise) (เส้นสีม่วง) มีจุดพีคที่ชัดเจนประมาณ 365 นาโนเมตร (nm) ซึ่งอยู่ในช่วง 350–400 นาโนเมตร (nm) ที่แมลงตอบสนองต่อแสงได้ดีที่สุด
ช่วงความยาวคลื่น 350–400 นาโนเมตร (nm) ที่เน้นในแถบสีเหลือง เป็นช่วงที่แมลงหลายชนิด เช่น ยุงและแมลงบินกลางคืน มีความไวต่อแสงมากที่สุด ทำให้แสงจากหลอดเลคิเซ่มีประสิทธิภาพในการล่อแมลงสูงกว่าอย่างชัดเจน
ผลิตภายใต้มาตรฐานโรงงาน ISO 9001
ทุกหลอดผ่านกระบวนการผลิตภายใต้ระบบคุณภาพที่ได้รับการรับรองระดับสากล และมีการตรวจสอบคุณภาพในทุกขั้นตอนก่อนส่งมอบให้ลูกค้า
ใช้งานได้ยาวนาน คุ้มค่าการลงทุน
หลอดมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน พร้อมรักษาประสิทธิภาพในการปล่อยแสง UV ได้อย่างสม่ำเสมอ ไม่เสื่อมง่าย
มีบริการหลังการขายโดยทีมผู้เชี่ยวชาญ
ไม่เพียงแค่ผลิตสินค้าได้มาตรฐาน แต่เลคิเซ่ยังให้ความสำคัญกับบริการหลังการขาย พร้อมดูแลและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการเลือกใช้งานอย่างมืออาชีพ
การล่อแมลงให้ได้ผลไม่ใช่แค่การมีเครื่องดักแมลงที่ดีเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่หลอดไฟ Fluorescent Blacklight ซึ่งต้องสามารถปล่อยแสง UV ในช่วงที่แมลงตอบสนองได้จริง หากเลือกหลอดที่คุณภาพต่ำหรือไม่ได้มาตรฐาน แมลงก็จะไม่ถูกดึงดูด ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการล่อแมลงลดลง ดังนั้น ผู้ใช้งานควรใส่ใจในการเลือกหลอดไฟที่ผ่านการควบคุมคุณภาพ มีข้อมูลทางเทคนิคชัดเจน และได้รับการรับรองจากผู้ผลิตที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น บริษัทเลคิเซ่ (LeKise) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านแสงสว่างมายาวนาน เราให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอนการผลิต และมีระบบการตรวจสอบคุณภาพอย่างเคร่งครัดก่อนส่งถึงมือลูกค้าทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าหลอดไฟทุกหลอดมีประสิทธิภาพในการล่อแมลงสูงสุด และปลอดภัยต่อการใช้งานในทุกพื้นที่
สนใจสินค้าติดต่อสอบถามข้อมูลได้ตามช่องทาง
สมัคร My LeKise Rewards รับสิทธิประโยชน์ก่อนใคร
Line ID : @lekisegroup หรือ https://page.line.me/lekisegroup
WhatsApp : LeKise https://wa.me/66954099280
เลือกหลอดไฟคุณภาพ ต้องเลือกใช้เลคิเซ่เท่านั้น
เลคิเซ่ โรงงานผลิตหลอดไฟ อยู่คู่คนไทยมามากกว่า 55 ปี
LeKise : รับตัวแทนจำหน่ายและรับผลิตสินค้า OEM