หลอด Single-end และ หลอด Double-end
ต่างกันอย่างไร และมาตรฐาน มอก.ใหม่คืออะไร?
หลอดไฟแบบ Single-end และ หลอดไฟแบบ Double-end สองหลอดนี้ ต่างกันอย่างไร ? และมีวิธีการติดตั้งแบบไหนถึงจะปลอดภัย? และมาตรฐาน มอก.ใหม่คืออะไร?
วันนี้เลคิเซ่ (LeKise) จะมาไขข้อสงสัยให้ทุกคนกันค่ะ สำหรับหลอดไฟแบบ Single-end และหลอดไฟแบบ Double-end ที่ใช้กันตามบ้านทั่วไป รูปลักษณ์ภายนอกอาจจะมีความคล้ายกันก็จริง เเต่จะมีจุดที่ต่างกันอยู่ค่ะ
สำหรับหลอดไฟแบบ Double-end จะมีไฟเข้าสองทาง เมื่อใส่หลอดไฟ Double-End ไปที่ขั้วรางด้านหนึ่งแล้ว อีกด้านนึงจะมีกระเเสไฟไหลผ่านอยู่ หากเราเผลอเอามือไปจับที่ขั้วหลอด ขณะที่กำลังทำการติดตั้งจะทำให้ถูกไฟดูดได้ เพราะเหตุนี้จึงมีการเพิ่มเรื่องมาตรฐาน มอก.2779-2562 ฉบับใหม่ ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2565 ของหลอดไฟ LED ขั้วคู่เพื่อเปลี่ยนทดแทนมาเป็นแบบ Single-end เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานมากยิ่งขึ้นค่ะ
สำหรับหลอดไฟแบบ Single-end คือหลอดไฟที่มีไฟฟ้าเข้าทางเดียว เมื่อติดตั้งหลอดเข้าที่รางข้างนึงแล้ว ไฟจะติดสว่างทันที เมื่อเอามือไปจับที่ขั้วหลอดอีกข้าง ไฟจะไม่สามารถดูดเราค่ะ เพราะหลอดไฟแบบ Single-end มีไฟฟ้าเข้าทางเดียวนั้นเอง มาตรฐานมอก. ฉบับใหม่ จึงทำให้การใช้งานหลอดไฟ มีความปลอดภัยมากขึ้น ในเรื่องของการติดตั้งหลอดไฟแบบ Single-End จะสามารถติดตั้งได้ถึง 3 แบบ
วันนี้เลคิเซ่ จะมาแนะนำการติดตั้งทั้ง 3 แบบนี้กันค่ะ
การติดตั้งแบบที่ 1
ติดตั้งชุด Full set LED T8 Perfect ECO Single-End เป็นหลอดพร้อมราง ในกรณีที่ลูกค้าซื้อเป็นแบบหลอดพร้อมราง สามารถนำรางมาต่อกับสายไฟบ้านได้เลย โดยวิธีการใส่หลอดให้สังเกต สัญลักษณ์ของ L กับ N ที่ขั้วหลอด ให้นำด้านที่มีสัญลักษณ์นี้ เข้ากับราง ที่มีขั้วบิดสีดำ เพียงเท่านี้ก็สามารถใช้งานได้แล้วค่ะ
การติดตั้งแบบที่ 2
สำหรับในกรณีที่ลูกค้ามีรางอยู่ที่บ้านอยู่แล้ว และอยากเปลี่ยนหลอดใหม่
ก่อนไปซื้อหลอดทุกครั้งควรสังเกตว่ารางที่บ้านของคุณเป็นรางชนิดใด รางชนิด Single-End หรือ รางชนิด Double-end
หากเป็นรางชนิด Single-end สามารถนำหลอด Perfect ECO แบบ Single-End ใส่เข้าไปได้เลย โดยอย่าลืมสังเกตสัญลักษณ์ L กับ N ก่อนใส่หลอดทุกครั้ง
ต้องให้อยู่ฝั่งเดียวกับขั้วรางที่มีการต่อสายไฟค่ะ
ส่วนรางชนิด Double end จะมีการต่อสายไฟสองฝั่ง สำหรับราง Double end จะไม่สามารถใช้ร่วมกับหลอด Single End ได้เลย
เเต่จะต้องทำการต่อสายไฟใหม่ สำหรับการต่อสายไฟใหม่ในราง Double-end เพื่อให้ใช้กับหลอด LED Single-End ได้นั้น มีขั้นตอนดังนี้
1. เมื่อเปิดรางออกมาแล้ว จะเห็นว่ามีสายไฟสองเส้น อยู่ที่ขั้วหลอดของรางทั้งสองข้าง ให้นำสายไฟออกข้างนึง และนำสายไฟนั้นไปใส่ที่ขั้วเดียวกัน (ดูตัวอย่างที่วิดีโอ)
2. เมื่อต่อสายไฟเสร็จแล้ว ให้นำขั้วใส่กลับไปที่ราง และปิดราง
3. นำหลอด Perfect ECO แบบ Single-End ใส่เข้าไปได้เลย แต่อย่าลืม !! สังเกตสัญลักษณ์ L กับ N ก่อนติดตั้งทุกครั้ง ให้ถูกฝั่งกับขั้วรางที่เราต่อสายไฟไว้
การติดตั้งแบบที่ 3
เป็นการติดตั้ง หลอด Perfect ECO Single-end เข้ากับรางของหลอดฟลูออเรสเซนต์ มีขั้นตอนดังนี้
1. ถอดหลอดฟลูออเรสเซนต์ และถอดสตาร์ทเตอร์เก่าออก
2. นำสตาร์ทเตอร์ของ LED ที่ให้มากับตัวหลอด Perfect ECO Single-end ใส่เข้าไปที่ขั้วสตาร์ทเตอร์
3. ติดตั้งหลอดลงไปได้เลยค่ะ สำหรับรางฟลูออเรสเซนต์ สามารถใส่หลอดไฟเข้าไปในด้านใดก็ได้ ในชุดรางฟลูออเรสเซนต์
หรือในกรณีที่ลูกค้า ไม่ต้องการใช้งานหลอดไฟ ผ่านบัลลาสต์แล้ว สามารถใช้วิธีการเดียวกับการต่อสายไฟ ของราง Double end ได้เลย มีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
1. ปิดไฟ และถอดหลอดฟลูออเรสเซนต์ของเก่าออก
2. เปิดรางฟลูออเรสเซนต์ออกมา จะเห็นว่ามีบัลลาสต์อยู่ ให้นำสายไฟออกจากบัลลาสต์ ในขั้นตอนนี้สามารถแกะบัลลาสต์ออกก็ได้ หรือไม่เอาออกก็ได้
3. เมื่อเอาสายไฟออกเสร็จแล้ว อีกฝั่งของขั้วรางให้นำสายไฟออกเช่นกัน สามารถตัดสายไฟ และพันเทปไว้ได้เลย เพราะเราจะใช้ขั้วแค่ฝั่งเดียว
4. นำสายไฟบ้านสองเส้น ไปต่อกับสายไฟจากขั้วอีกฝั่งทั้งสองเส้น (ดูตัวอย่างประกอบที่วิดีโอ)
5. ใส่หลอดไปได้เลย อย่าลืมสังเกตสัญลักษณ์ L กับ N ก่อนใส่หลอดเข้าไป ในขั้วรางที่เราต่อสายไฟ แค่นี้ก็ใช้งานได้แล้วค่ะ
หลังจากนี้ ในท้องตลาดจะไม่มีขายหลอดทดแทน ที่เป็นชนิด Double end แบบหลอดเดี่ยวแล้วนะคะ
แต่จะมีจำหน่ายเป็นแบบ Full set หลอดพร้อมรางเท่านั้นค่ะ สรุปคือ มาตรฐานใหม่ มอก.2779-2562 ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยของเรานั้นเอง
สุดท้ายนี้อย่าลืม!! ก่อนซื้อหลอดไฟทุกครั้งให้ตรวจสอบหลอดไฟที่บ้านก่อนว่า เป็นรางหลอดฟลูออเรสเซนต์ หรือ ถ้าเป็นราง Led เป็นชนิด Single end หรือ Double end เพื่อความปลอดภัยในติดตั้งและใช้งานค่ะ