ชนของหลวง โดนปรับเท่าไหร่?

ขับรถชนเสาไฟฟ้า ขับรถชนของหลวง ต้องเสียค่าปรับเท่าไหร่?

 

อุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด และอาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน หนึ่งในอุบัติเหตุที่พบได้บ่อยคือการขับรถชนเสาไฟฟ้าหรือสิ่งของสาธารณะ (ของหลวง) ซึ่งนอกจากความเสียหายต่อรถยนต์แล้ว ยังอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของทางราชการ และที่สำคัญคืออาจต้องรับผิดชอบค่าเสียหายจำนวนมาก บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ขับรถชนเสาไฟฟ้า หรือของหลวง 

 

 

ค่าเสียหายขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง

 

• ค่าซ่อมแซมเสาไฟฟ้า

หากเสาไฟฟ้าได้รับความเสียหาย  คุณจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนเสาไฟฟ้าใหม่  ค่าใช้จ่ายนี้จะแตกต่างกันไปตามขนาดและชนิดของเสาไฟฟ้า รวมถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น ประมาณ 10,000 ถึง 100,000+ บาท/ต้น ขึ้นอยู่กับแรงดันของเสาไฟฟ้า

 

เสาไฟฟ้าแรงต่ำ : 10,000-30,000+ บาท/ต้น

เสาไฟฟ้าแรงกลาง : 30,000-100,000+ บาท/ต้น


• ค่าซ่อมแซมระบบไฟฟ้า

หากชนเสาไฟฟ้าที่มีอุปกรณ์อื่นๆ ติดตั้งอยู่ จนทำให้ระบบไฟฟ้าเสียหาย  เช่น สายไฟขาด  หม้อแปลงไฟฟ้าเสียหาย  ซึ่งจะต้องมีการซ่อมแซมโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ ก็จะบวกเพิ่มไปประมาน 500,000 บาท หรือถ้ามีสัญญาณอินเตอร์เน็ต ค่าเสียหายอาจจะสูงถึง 1,000,000 บาท! โดยจะบวกทั้งค่ารื้อถอนและค่าติดตั้งใหม่เข้า ไปด้วย

 

• กรณีขับรถชนของหลวง 

การชนสิ่งของสาธารณะอื่นๆ  เช่น ป้ายจราจร  ราวเหล็กกั้นถนน  ก็ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายเช่นกัน  ค่าใช้จ่ายจะขึ้นอยู่กับชนิดและมูลค่าของสิ่งของที่ได้รับความเสียหาย  โดยทั่วไปแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเป็นผู้ประเมินค่าเสียหายและเรียกเก็บจากผู้กระทำผิด

 

• ขับรถชนแบริเออร์

ค่าปรับประมาณ 800-15,000 บาท 

ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ ค่าติดตั้ง ความเสียหาย และจำนวนที่ทำความเสียหาย

 

• ขับรถชนต้นไม้และพุ่มไม้

ค่าปรับประมาณ 2,000 บาท 

ขึ้นอยู่กับ ขนาดต้นไม้ จำนวนต้นไม้ และอายุของต้นไม้

 

• ขับรถชนป้ายจราจร

ค่าปรับประมาณ 1,000-2,000 บาท 

ขึ้นอยู่กับป้ายที่ชนว่าจนไปกี่ป้าย ป้ายจราจรขนาดเท่าใด และเสียหายมากแค่ไหน

 

• ขับรถชวนกรวยจารจร

ค่าปรับประมาณ ค่าปรับ 200-800 บาท 

ขึ้นอยู่กับราคาสุทธิของอุปกรณ์ จำนวน และความเสียหาย

 

• ขับรถชนแผงกั้นจราจร

ค่าปรับประมาณ 1,000-5,000 บาท  

ขึ้นอยู่กับราคาสุทธิของอุปกรณ์ ขนาด จำนวน และความเสียหาย

 

• ขับรถชนเสาล้มลุก

ค่าปรับประมาณ 800-3,500 บาท

ขึ้นอยู่กับราคาสุทธิของเสาล้มลุก ขนาด จำนวน และความเสียหาย

 

ขับรถชนเสาไฟฟ้า ต้องจ่ายค่าปรับกับใคร

กรณีที่ผู้ขับขี่ขับรถชนเสาไฟฟ้าจนหักโค่นลงมาทั้งต้น ผู้ขับขี่จะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือการไฟฟ้านครหลวง

 

ขับรถชนของหลวง แต่ไม่จ่ายค่าปรับ ผิดกฎหมายไหม

 

ขับรถชนของหลวง แต่ไม่จ่ายค่าปรับ  ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

 

วิธีการรับมือเมื่อเกิดอุบัติเหตุ

 

1. รถชนเสาไฟฟ้าแล้วมีสายไฟมาโดนตัวรถยนต์

คือ ห้ามผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารลงจากรถอย่างเด็ดขาด เพราะเป็นไปได้ว่ากระแสไฟฟ้าอาจมีการกระจายอยู่รอบ ๆ ตัวรถในระยะประมาณ 10-20 รัศมี โดยความกว้างของกระแสไฟฟ้าจะขึ้นอยู่กับความแรงของกระแสไฟฟ้า หลังจากนั้นให้รีบแจ้ง 1129 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 113 การไฟฟ้านครหลวง  เพื่อให้เจ้าหน้าที่มาตัดกระแสไฟฟ้า

 

2. รถชนเสาไฟฟ้าแล้วไฟไหม้

ในกรณีที่รถชนเสาไฟฟ้าแล้วไฟไหม้ จำเป็นต้องออกจากรถ ให้ผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารตั้งสติและพยายามอย่าสัมผัสชิ้นส่วนที่เป็นโครงเหล็กของตัวรถ เนื่องจากกระแสไฟฟ้าอาจไหลผ่านเข้าสู่ร่างกายได้ หลังจากนั้นให้กระโดดออกจากรถโดยขาชิดติดกัน เก็บมือสองข้างไว้ข้างหน้า และกระโดดขาคู่ติดพื้น แบบกระต่ายจนพ้นรัศมีอันตราย

 

3. พบคนขับรถชนเสาไฟฟ้า

สำหรับในกรณีที่คุณพบคนอื่นขับรถชนเสาไฟฟ้า ทางที่ดีคือห้ามผู้ขับขี่เข้าใกล้รถที่ขับชนเสาไฟฟ้า เพราะอาจมีกระแสไฟกระจายรอบตัวรถ ให้ผู้ขับขี่อยู่ห่างจากที่เกิดเหตุมากกว่า 10 เมตร และโทรแจ้ง 1129 (PEA Online) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือแจ้งสายด่วน MEA 113 การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ทันที ในกรณีกรณีที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการขับรถชนเสาไฟฟ้าให้โทรเรียกรถพยาบาล เพื่อขอความช่วยเหลือด้วยเช่นกัน

 

เมื่อเกิดอุบัติเหตุ...

 

1. แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

การแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อบันทึกหลักฐานและดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย

 

2. ติดต่อบริษัทประกันภัย

หากคุณมีประกันภัยรถยนต์ ควรติดต่อบริษัทประกันภัยเพื่อแจ้งเหตุการณ์และขอความช่วยเหลือ

 

3. บันทึกหลักฐาน

ควรบันทึกหลักฐานต่างๆ เช่น ภาพถ่าย วิดีโอ พยาน เพื่อใช้ในการเรียกร้องค่าเสียหายหรือพิสูจน์ความบริสุทธิ์

 

รู้แบบนี้แล้ว ขับรถอย่างระมัดระวัง ปฏิบัติตามกฎจราจร และตรวจสอบสภาพรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยลดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุ

การเตรียมตัวรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และทำความเข้าใจเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่อาจต้องรับผิดชอบ จะช่วยให้คุณสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเครียดที่อาจเกิดขึ้นได้ อย่าลืมว่าความปลอดภัยบนท้องถนนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ขับรถอย่างปลอดภัย เพื่อตัวคุณเองและผู้อื่น